วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

ระบบสารสนแทศคณะ (FIS)

ระบบสารสนเทศคณะ (FIS) เป็นระบบงานที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นสำหรับงานประกันคุณภาพการศึกษา ตามผลการดำเนินงานตามพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัย  เช่น งานวิจัย การบริการวิชาการ การเรียนการสอน กิจกรรมต่างๆ เป็นต้น โดยอ้างอิงกรอบมาตรฐาน    การประกันคุณภาพการศึกษา เป็นเพื้นฐานการจัดทำฐานข้อมูล ทั้งนี้สามารถประยุกต์ร่วมกับ การ
จัดเตรียมข้อมูล สกอ. สมศ. และกพร. ระบบสารสนเทศคณะแบ่งระดับการนำเสนอออกเป็น 3 ระดับ  คือ ระดับรายการข้อมูล ระดับภาพรวมแบบสรุประดับคณะและมหาวิทยาลัย และระดับระนาบเดียวกัน  คือในระดับคณะ โดยการเทียบเคียง (Benchmarking) ตัวชี้วัดคณะและสรุปภาพรวมของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังจัดเก็บเอกสารประกอบผลการดำเนินงาน ตามมาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษา ทำให้สามารถตรวจสอบเอกสารประกอบสำหรับการประกันคุณภาพการศึกษาได้
อย่างมีประสิทธิภาพการกำหนดสิ่งที่เกี่ยวข้องในระบบ

สิ่งที่เกี่ยวข้องสำหรับระบบสารสนเทศคณะ (FIS) ในครั้งนี้ได้แก่
􀂃 คณะ
􀂃 ภาควิชา/สาขาวิชา/สำนักงานคณบดี
􀂃 หลักสูตร
􀂃 บุคลากร
􀂃 วิทยานิพนธ์ ของนักศึกษา
􀂃 การตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ของนักศึกษา
􀂃 งานวิจัย
􀂃 การนำเสนอผลงานวิจัย และงานสร้างสรรค์
􀂃 ผลงานอื่นๆ เช่น ตำราเรียน e-learning
􀂃 นวัตกรรมของคณะ
􀂃 การได้รับรางวัล

องค์ประกอบของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ

Elements of management information systems.
MIS to compile and summarize available data to generate detailed information about whether the executive summary of the analysis, planning, etc. The system will be.Can be. Must have the following elements.1. Instrumental in the creation of MIS and hardware (Hardware), software (Software) and database (Database) is a computer hardware and equipment needed to processing.The software is a command used to combine and summarize the data, the database is to collect the necessary information is at the center and can be used when there is a need. Information is the key.MIS of good information and confidence are also considered to be a good storage system can be accessed quickly, without duplication. This will allow businesses to operate effectively.2. The manner or the process of art, including the processing of internal data processing computer. To create the needed information. Important characteristics of the data processing.2.1 process information.2.2 Use information is very detailed.2.3 In using the term most used in daily operations.2.4 The system of computers that are online use (On-line Processing) which is a method of processing the data into a computer. Then processed immediately. Without the wait or build it first.3. A collection of data and information into a database. This is a database of ideas that want to collect the data. To be the center of information on information sharing and reduce duplication.Of data.4. The results show that MIS will provide information necessary for managers to take decisions about the activities of the business or organization. Results from the information systems must be able to run it. Or fast and is usually in the form of various reports, whether in the form of a table or graph, as shown by the line graph bar graph, circle graph, etc.5. The management of information resources. To control the system. To work more efficiently. This is a fundamental requirement for organizations in the implementation of the MIS organization.Various information that has been a very important role in the organization. It will have to compete to keep pace with the times. As well as increasing operational efficiency and, therefore, MIS has developed the following reasons.1. The administration is more complex. As the workload increases. Organization grow. The problem is more internal and external. Preparing for the future growth of the organization. Due to the expansion. Organizational and economic conditions of the country. System designed to support the expansion of the number of employees. And the organization's workload increased. The complexity of the various technologies.2. Is necessary in a time frame. The executive must be able to work in a shorter time frame. In response to international competition and the society with the use of modern communication systems is increasing. As a result, competition among enterprises has increased accordingly.3. To develop the technical tools to aid in decision-making techniques such as computer-assisted analysis. Identify appropriate data into information for decision making. The current demand for information systems are widely used. The communication technology used in business dealings, such as an order to exchange information with foreign exchanges and so on.4. To realize the value and the advancement of technology and preferences especially computer technology. The smaller, cheaper and more capable. The rapid proliferation of mobile computers will progress further as a result, it enables organizations to use technology in a MIS.
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
MIS สามารถรวบรวมและสรุปข้อมูลที่มีรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อสร้างสารสนเทศให้กับผู้บริหารไม่ว่าจะเป็นการสรุปผล การวิเคราะห์ การวางแผน เป็นต้น การที่ระบบสารสนเทศจะมีความ
สามารถดังกล่าว จะต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้ คือ
1. เครื่องมือในการสร้าง MIS ได้แก่ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Software) และฐานข้อมูล (Database) ฮาร์ดแวร์ คือ ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่จำเป็นในการประมวล
ซอฟต์แวร์ คือ โปรแกรมคำสั่งที่ใช้ในการรวมและสรุปข้อมูลฐานข้อมูล คือ การเก็บรวมรวมข้อมูลที่จำเป็นไว้ ณ ศูนย์กลางและสามารถนำมาใช้ในงานเมื่อมีความต้องการได้ ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญ
ของ MIS ข้อมูลที่ดีนอกจากมีคุณสมบัติของความเชื่อมั่นถือได้แล้วยังต้องได้รับการจัดเก็บเป็นระบบที่ดีสามารถเรียกใช้ได้อย่างรวดเร็วไม่ซ้ำซ้อน อันจะทำให้กิจการดำเนินไปอย่างได้ผล
2. วิธีการหรือขั้นตอนการปะมวลผล ได้แก่ ลำดับของการประมวลข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างสารสนเทศที่ต้องการ ลักษณะที่สำคัญของการประมวลผลข้อมูล คือ
2.1 ทำการประมวลผลข้อมูลทั่วไป
2.2 ใช้ข้อมูลที่มีรายละเอียดมาก
2.3 ระยะเวลาในการใช้ข้อมูลเป็นระยะสั้นส่วนมากใช้กับการปฏิบัติงานประจำวัน
2.4 ระบบการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้มักเป็นระบบออนไลน์ (On-line Processing) ซึ่งเป็นวิธีการประมวลผลที่รับข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วทำการประมวลผลทันที โดยไม่มีการเก็บรอหรือสะสมข้อมูลไว้ก่อน
3. มีการจัดเก็บข้อมูลและสารสนเทศเป็นฐานข้อมูล ซึ่งเป็นฐานข้อมูลนั้นเกิดจากความคิดที่ต้องการเก็บรวบรวมข้อมูลไว้ เพื่อเป็นศูนย์กลางของข้อมูลในการใช้ข้อมูลร่วมกันและช่วยลดความซ้ำซ้อน
ของข้อมูล
4. การแสดงผลลัพธ์ MIS จะจัดทำสารสนเทศซึ่งจะจำเป็นสำหรับผู้บริหารที่จะใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ของธุรกิจหรือองค์กร ผลลัพธ์จากระบบสารสนเทศต้องสามารถเรียกใช้งาน หรือแสดงผลได้รวดเร็วและมักอยู่ในรูปของรายงานแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของตารางหรือการแสดงโดยใช้กราฟ เช่น กราฟเส้น กราฟแท่ง กราฟกลม เป็นต้น
5. มีการจัดการเกี่ยวกับทรัพยากรข้อมูล เพื่อควบคุมการทำงานระบบ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของความต้องการ MIS สำหรับองค์กร ในการดำเนินงานขององค์กร
ต่าง ๆ นั้น สารสนเทศนับว่ามีบทบาทที่สำคัญต่อองค์กรมาก เพราะจะต้องแข่งขันให้ทันกับเวลา ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานต่าง ๆ จึงได้มีการพัฒนา MIS ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. การบริหารงานมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากปริมาณงานเพิ่มขึ้น องค์กรขยายใหญ่ขึ้น ปัญหาภายในและภายนอกองค์กรมีมากขึ้น การเตรียมการขยายตัวขององค์กรในอนาคต เนื่องจากการขยายตัว ขององค์กรและภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ระบบที่ออกแบบจะต้องรองรับการขยายตัวทั้งจำนวนพนักงาน และปริมาณงานขององค์กรที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งซับซ้อนในการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ
2. ความจำเป็นในเรื่องกรอบเวลา ปัจจุบันผู้บริหารต้องสามารถปฏิบัติงานในกรอบของเวลาที่สั้นลง เพื่อตอบสนองต่อการแข่งขันต่าง ๆ และการที่สังคมมีการใช้ระบบสื่อสารข้อมูลที่ทันสมัยเพิ่มมากขึ้น เป็นผลทำให้การแข่งขันในธุรกิจมีมากขึ้นตามลำดับ
3. การพัฒนาทางเทคนิค คือ เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องช่วยในการตัดสินใจ เช่น ใช้เทคนิคทางคอมพิวเตอร์ช่วยวิเคราะห์ แยกแยะจัดสรรข้อมูลให้เป็นสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ ยิ่งในปัจจุบันมีความต้องการใช้ระบบสารสนเทศกันอย่างแพร่หลาย มีการนำเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสารข้อมูลมาใช้ในการติดต่อทางด้านธุรกิจ เช่น การสั่งซื้อสินค้า ตลาดหุ้น การแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลกับต่างประเทศ เป็นต้น
4. การตระหนักถึงคุณค่าและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาอย่างยิ่งเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีขนาดเล็กลง ราคาถูกลง มีความสามารถมากขึ้น การใช้คอมพิวเตอร์จะแพร่หลาย อย่างรวดเร็ว ระบบสื่อสารมีความก้าวหน้ายิ่งขึ้นจึงเป็นผลที่จะทำให้องค์กรต่าง ๆ ต้องใช้เทคโนโลยีในการสร้าง

ลักษณะสำคัญของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ

The main characteristics of management information systems. A good MIS should look as follows.
1. MIS is used for management decision making at all levels. Allows administrators to retrieve information more quickly. However, most problems are related to structured (Structured Problems) focus on solving problems with routine tasks.
2. MIS is a system which combines data from different subsystems of the bottom or a system that has a relationship to make it a complete overview of the whole system.
3. Development of information systems. Starts from the needs and approval of the executive to provide information to management decisions and help achieve overall corporate objectives.
4. MIS will use computer technology to help. Since the data in an organization, there are many and complex. Computer was used to generate MIS to management. Used to make decisions in a short time and reasonable.
5. Information that will be considered as another important resource, as well as staff, equipment. Capital and raw materials. The goal of MIS is to provide useful information for the organization to take control. Operation and management of the organization.
6. The storage is built into the database. This database is collected data into a single one. Its purpose is to avoid the complexity of data collection.
7. The involvement of the MIS will not be successful without the cooperation and the satisfaction of users, although there is a good system, no matter if users feel resistance and bend the MIS will The fight of their work.


ลักษณะสำคัญของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
MIS ที่ดีควรมีลักษณะที่สำคัญ ดังนี้
1. MIS ถูกนำไปใช้การตัดสินใจของผู้บริหารทุกระดับ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถเรียกค้นข้อมูลได้รวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับปัญหาแบบมีโครงสร้าง (Structured Problems) เน้นการแก้ปัญหาที่เกิดกับงานประจำ
2. MIS เป็นระบบงาน ซึ่งผสมผสานข้อมูลจากหลาย ๆ แหลางหรือระบบย่อยหลาย ๆ ระบบที่มีความสัมพันธ์กันเพื่อจัดทำสารสนเทศเป็นภาพรวมที่สมบูรณ์ของทั้งระบบ
3. การพัฒนาระบบสารสนเทศ จะเริ่มจากความต้องการและความเห็นชอบของผู้บริหารเพื่อจัดเตรียมสารสนเทศให้แก่ผู้บริหารช่วยในการตัดสินใจและบรรลุจุดมุ่งหมายโดยรวมองค์กร
4. MIS จะใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วย เนื่องจากข้อมูลในองค์กรหนึ่ง ๆ มีเป็นจำนวนมากและมีความสลับซับซ้อน คอมพิวเตอร์จึงถูกนำมาใช้เพื่อสร้าง MIS ให้แก่ผู้บริหาร ใช้ในการตัดสินใจได้ในเวลาอันรวดเร็วและเหมาะสม
5. สารสนเทศนั้นจะถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับพนักงานเครื่องจักร เงินทุนและวัตถุดิบ จุดมุ่งหมายของ MIS คือจัดทำสารสนเทศที่เป็นประโยชน์แก่องค์กรเพื่อใช้ควบคุม การทำงานและการจัดการขององค์กร
6. ทำการจัดเก็บข้อมูลสร้างเป็นฐานข้อมูลเก็บไว้ ซึ่งฐานข้อมูลนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียว วัตถุประสงค์คือต้องการจะหลีกเลี่ยงความซับซ้อนของการเก็บข้อมูล
7. การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ MIS จะไม่ประสบความสำเร็จถ้าปราศจากจากความร่วมมือและความพอใจของผู้ใช้งานถึงแม้ว่ามีระบบที่ดีเพียงใดก็ตามถ้าผู้ใช้งานเกิดความรู้สึกต่อต้านและคดว่า MIS จะมาแย่งงานของตนไป

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

ระบบสารสนเทศทางการศึกษา2

ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
ความหมายของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
          E-library มาจากคำว่า Electronic Library หรือห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง แหล่งความรู้ที่บันทึกข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและให้บริการสารสนเทศทางอิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย
          การทำงานของระบบห้องสมุดอัตโนมัติ เป็นระบบการทำงานของห้องสมุดโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย เพื่อให้การทำงานของฝ่ายต่างๆ ในห้องสมุดสามารถทำงานเชื่อมโยงประสานกันได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องทำงานด้วยมือซ้ำหลายๆครั้ง

ห้องสมุดดิจิตอล หมายถึง ห้องสมุดที่มีการจัดการและให้บริการเนื้อหาของข้อมูลในรูปแบบดิจิตอลที่ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาฉบับเต็มได้โดยตรง มีการสร้างหรือจัดหาข้อมูลดิจิตอลมาจัดเก็บอย่างเป็นระบบเพื่อความสะดวกในการสืบค้นและให้บริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

ห้องสมุดเสมือน หมายถึง สถานที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลข่าวสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้คอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันได้ทั่วโลก จึงเป็นที่รวมแหล่งสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการจัดการอย่างมีระบบและให้บริการค้นคืนสารสนเทศแบบออนไลน์ในระบบเครือข่าย โดยที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงระยะไกลมายังห้องสมุดเพื่อสืบค้นและใช้สารสนเทศของห้องสมุดหรือเชื่อมโยงกับแหล่งสารสนเทศอื่นได้ทุกที่ในระบบเครือข่าย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ประเภทของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
  1. ผู้ใช้เข้าถึงห้องสมุดโดยทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ การใช้ระบบห้องสมุดอัตโนมัติซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลและบริการยืม - คืนหนังสือของห้องสมุดได้แบบออนไลน์
  2. ผู้ใช้เข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศโดยทางอิเล็กทรอนิกส์ และมีการนำส่งเอกสารที่เป็นสิ่งพิมพ์ทางอิเล็กทรอนิกส์  
  3. ผู้ใช้เข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศที่เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์โดยทางอิเล็กทรอนิกส์
เทคโนโลยีของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
  1. การจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อประโยชน์ในการรวบรวมและจัดเก็บสารสนเทศ และสะดวกในการบริการส่งสาร
  2. ระบบเครือข่าย เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายของห้องสมุดกับผู้ใช้และแหล่งสารสนเทศอื่น ๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถติดต่อกันได้ทั่วโลก
  3. การส่งเอกสารสารสนเทศแก่ผู้ใช้ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับสารสนเทศที่ต้องการโดยไม่ต้องมายังห้องสมุด มี 4 วิธีการคือ ทางไปรษณีย์ , จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ , โทรสาร และทางอินเตอร์
ลักษณะของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
  1. การจัดการทรัพยากรสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์
  2. ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศโดยทางอิเล็กทรอนิกส์
  3. บรรณารักษ์หรือบุคลากรของห้องสมุดสามารถแทรกการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุดได้ เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์
  4. ความสามารถในการจัดเก็บ รวบรวมและนำส่งสารสนเทศสู่ผู้ใช้โดยทางอิเล็กทรอนิกส์
วัตถุประสงค์ของระบบห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
  1. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบรรณารักษ์ โดยช่วยให้งานที่บรรณารักษ์ทำเป็นประจำ มีความถูกต้องรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
  2. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้ใช้ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
  3. เพื่อช่วยผู้บริหารห้องสมุดในการจัดการและบริหารงานห้องสมุด
  4. เพื่อประหยัดต้นทุนการปฏิบัติงานของห้องสมุดในระยะยาว
องค์ประกอบของระบบห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
  1. ฮาร์ดแวร์ ( Hardware) หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวสนับสนุนการทำงานของซอฟต์แวร์
  2. ซอฟต์แวร์ ( Software) แบ่งออกเป็นซอฟต์แวร์ระบบ และซอฟต์แวร์ประยุกต์สำหรับระบบห้องสมุดอัตโนมัติ ซึ่งประกอบไปด้วยชุดโปรแกรมหรือโมดูล ( Module) หลายชุดตามความต้องการของระบบแต่ละระบบ
  3. ระบบเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูลที่เชื่อมโยงผู้ใช้กับระบบห้องสมุด
  4. ทรัพยากรสารนิเทศรูปแบบต่างๆ เช่น หนังสือ วารสาร โสตทัศนวัสดุ ฯลฯ
  5. ทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพ และได้รับการอบรมเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และระบบห้องสมุดเป็นอย่างดี
  6. คู่มือการใช้งานซึ่งอธิบายรายละเอียดการทำงานของระบบ
  7. งบประมาณที่ใช้ในการดำเนินงานทั้งระบบ
หลักการทำงานของระบบห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
          ระบบห้องสมุดอัตโนมัติโดยทั่วไป จึงมักประกอบด้วยชุดโปรแกรมหลัก ( Module) ในการทำงาน 5 ระบบสำคัญ คือ
  1. ระบบงานจัดหาทรัพยากร ( Acquisition Module) เป็นชุดโปรแกรม สำหรับระบบการทำงานจัดหาทรัพยากรห้องสมุด ประกอบด้วย การทำรายการสั่งซื้อ การทำจดหมายสั่งซื้อ การติดตามทวงถาม การควบคุมงบประมาณการจัดซื้อ และการออกรายงานต่างๆ
  2. ระบบงานวิเคราะห์หมวดหมู่และทำรายการ ( Cataloguing Module) เป็นชุดโปรแกรม สำหรับงานสร้างฐานข้อมูลบรรณานุกรมทรัพยากรห้องสมุดทุกประเภท
  3. ระบบงานยืม - คืน ( Circulation Module) เป็นชุดโปรแกรมสำหรับการทำงานให้บริการยืม - คืนทรัพยากรห้องสมุด เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้บริการได้ถูกต้อง รวดเร็ว
  4. ระบบงานควบคุมสิ่งพิมพ์ต่อเนื่อง ( Serial Control Module) เป็นโปรแกรมสำหรับการทำงานวารสารตั้งแต่การบอกรับจนถึงการให้บริการ
  5. ระบบงานสืบค้นรายการออนไลน์ ( Online Public Access Catalog: OPAC Module) เป็นการทำงานสืบค้นข้อมูลประกอบด้วยระบบการกำหนดดรรชนีสืบค้น การออกแบบผล การสืบค้นระดับของการแสดงผล การออกรายงานผลการสืบค้น และออกสถิติรายงานการสืบค้น
บทบาทของ E-library
          การนำมาใช้แก้ปัญหาในเรื่องการจัดเก็บทรัพยากรห้องสมุดที่มีเพิ่มมากขึ้น โดยการจัดเก็บสารสนเทศในห้องสมุดให้เป็นระบบฐานข้อมูลอัตโนมัติที่จัดเก็บสื่อต่าง ๆ ได้ทุกรูปแบบสามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายในระดับต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ห้องสมุดยุคใหม่จึงเปลี่ยนไปตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและวัฒนธรรมการเรียนรู้ของคนในสังคม ทำให้การดำเนินงานของห้องสมุดเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคต รูปแบบการเสนอข้อมูลของห้องสมุดจะเน้นการเข้าถึงเอกสารเต็มรูป ที่บันทึกอยู่ในสื่อทุกรูปแบบมากขึ้น

บทบาทต่อการศึกษา
  1. ทำให้การเรียนการสอนมีความหลากหลายเรียนได้เร็วขึ้น
  2. สามารถตอบสนองความแตกต่างของผู้เรียนได้การเรียนการสอนจะเป็นการตอบสนองความสนใจและความต้องการของแต่ละบุคคลได้ดี
  3. ทำให้การจัดการศึกษา ตั้งบนรากฐานของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทำให้การจัดการศึกษาเป็นระบบ
  4. ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างกว้างขวาง
  5. ทำให้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ได้เต็มตามศักยภาพแห่งตน
ประโยชน์ของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ต่องานห้องสมุด
  1. ช่วยยกระดับทักษะของบุคลากรผู้ปฏิบัติงาน
  2. ลดภาระงานที่มีปริมาณมากช่วยให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว
  3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ
  4. เพิ่มประสิทธิภาพของระบบงานต่างๆ โดยจะช่วยในการจัดระบบการจัดเก็บสืบค้นและเผยแพร่ให้สะดวก รวดเร็ว
  5. ข้อมูลที่มีอยู่ในระบบจะทันสมัยอยู่เสมอ
การประยุกต์ใช้ E-Library เพื่อการศึกษา
  1. การแนะนำ E-Learning ให้กับอาจารย์
  2. การวางแผนรายวิชากับอาจารย์ผู้สอน
  3. แนะนำระบบการประชุมให้กับอาจารย์
  4. แนะนำเว็บไซต์รายวิชา ( Course Website ) ให้กับนักศึกษา
  5. ช่วยเหลือสนับสนุนอาจารย์และผู้เรียนหลังจากเริ่มมีการเรียนการสอน
ที่มา : http://www.slideshare.net/angsuma/e-library

ระบบสารสนเทศทางการศึกษา

ระบบบริการเกรดออนไลน์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ระบบบริการเกรดออนไลน์มีวัตถุประสงค์ ดังนี้
  1.  เพื่อให้อาจารย์ผู้สอนบันทึกคะแนนและเกรดของนักศึกษาในแต่ละภาคการศึกษาผ่านอินเตอร์เน็ต
  2.  เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับอาจารย์ผู้สอนในการคำนวณคะแนนและเกรด
  3. เพื่อให้นิสิตดูคะแนนและเกรดของตนเอง ผ่านอินเตอร์เน็ตได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
  4. เพื่อให้เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนและประมวลผล ควบคุมและประมวลผลเกรดได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
การใช้งานระบบบริการเกรดออนไลน์ แบ่งตามประเภทของผู้ใช้ออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
  1. การใช้งานสำหรับอาจารย์
  2. การใช้งานสำหรับนิสิต
  3. การใช้งานสำหรับเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียน
  4. การใช้งานสำหรับผู้ดูแลระบบ
ขั้นตอนการใช้งานระบบบริการเกรดออนไลน์   กรณีกรอกเกรด (KU5)
  1. อาจารย์เข้าสู่ระบบด้วย account ของนนทรี
  2. ระบบจะแสดงข้อมูลรายวิชาที่อาจารย์สอนโดยอัตโนมัติ ให้เลือกรายวิชาที่ต้องการ
  3. อาจารย์กรอกเกรด และคลิกส่งเกรด แล้วพิมพ์เอกสาร (KU5) จำนวน 3 ชุด
  4. อาจารย์ผู้สอน และหัวหน้าภาควิชาลงนามทั้ง 3 ชุด
  5. อาจารย์ผู้สอนเก็บไว้ 1 ชุด ภาควิชาเก็บไว้ 1 ชุด และส่งให้สำนักทะเบียนฯ 1 ชุด
  6. สำนักทะเบียนและประมวลผลตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารกับข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
  7. ถ้าถูกต้อง จะทำการ Submit ถ้าไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนจะทำการแก้ไขให้ถูกต้องตามเอกสาร (เกรดที่สำนักทะเบียนกดปุ่ม Submit จะเข้าสู่ฐานข้อมูลกลางของมหาวิทยาลัยทุกสิ้นวัน)
  8. นิสิตสามารถดูเกรดจากเว็บไซต์ได้ทันที
ขั้นตอนการใช้งานระบบบริการเกรดออนไลน์   กรณีแก้ไขเกรด (KU7)
  1. อาจารย์ใช้งานระบบ เข้าสู่ระบบด้วย account ของนนทรี
  2. ระบบจะแสดงข้อมูลรายวิชาที่อาจารย์สอนโดยอัตโนมัติ ให้เลือกรายวิชาที่ต้องการ
  3. คลิกเลือกนิสิตที่ต้องการแก้ไข
  4. อาจารย์แก้ไขเกรด และคลิกส่งเกรด แล้วพิมพ์เอกสาร (KU7) จำนวน 3 ชุด
  5. อาจารย์ผู้สอน และหัวหน้าภาควิชาลงนามทั้ง 3 ชุด
  6. อาจารย์ผู้สอนเก็บไว้ 1 ชุด ภาควิชาเก็บไว้ 1 ชุด และส่งให้สำนักทะเบียนฯ 1 ชุด
  7. สำนักทะเบียนและประมวลผลตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารกับข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
  8. ถ้าถูกต้อง จะทำการ Submit
ที่มา : https://www.regis.ku.ac.th/grade/Q&A_GWEB.htm